FAQ

ถาม-ตอบเกี่ยวกับสินค้าและผลิตภันฑ์

เมื่อใช้ Miami peel จะทำให้ผิวเราสามารถเนียนใสได้อย่างไร +

Miami peel ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนสุด  ช่วยทำให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดลอกออกมา กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน และฟื้นฟูผิวจากการที่ถูกแสงแดดทำลาย ช่วยลดรอยดำหลังการผ่าตัดหรือจากบาดเจ็บที่ผิวหนัง 

ส่วนผสมหลักที่ทำให้ Miami peel ออกฤทธิ์ทำให้หน้าขาวใส เรียบเนียน และลดรอยด่างดำ +

เป็นสูตรการผลัดเซลล์ผิวชั้นตื้นถึงปานกลาง ช่วยลดการสร้างเม็ดสี  โดยส่วนประกอบด้วยกรด alphaและ beta hydroxy กลุ่มกรดผลไม้ AHA ที่ได้มาจากนมเปรี้ยว ผลไม้ซิตรัส และ BHA จาก Willow Bark Extract (Salix Alba) อีกส่วนผสมหนึ่งคือ kojic acid(สารสกัดจากข้าวหมัก) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเพราะช่วยต้านเชื้อแบคมีเรีย ต้านอนุมูลอิสระ  และพิเศษยิ่งกว่านั่นช่วยทำให้หน้าขาวใสกระจ่างขึ้น

โดยทั่วไปแนะนำการใช้ Miami peel กี่ครั้ง/คอร์สการรักษา +

ควรทำต่อเนื่อง 6-8 ครั้ง เพื่อผลการรักษาที่ดี

หลังจากทำMiami peel ใช้เวลาพักหน้า กี่วัน (Down time period) +

ไม่มีช่วงต้องพักฟื้นหรือแย่ลงเลย หลังจากทำแล้ว โดยหลังจากนั้นอาจมีขุยลอกเล็กๆหรือรอยแดง2-3วัน 

ห้ามแกะหรือดึงสะเก็ดขุยออก ปล่อยให้ลอกออกเองตามธรรมชาติสามารถกลับไปทำงานได้เลย 

ควรหลีกเลี่ยงความร้อนที่มากเกิน และแสงแดด ควรทากันแดด  

หลังทำ Miami peel เมื่อไรที่จะเริ่มการผลัดเซลล์ ผิวจะลอกมากและเป็นนานแค่ไหน +

เป็นการลอกชั้นผิวบน และอาจมีการหลุดลอกเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ละคนมีการตอบสนองหลังทำที่ต่างกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นการลอกเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนมากจะให้แผ่นลอกเล็กน้อยใน2-3วันแรก  

ความแตกต่างระหว่าง Miami peel และ Glycolic acid peels +

Glycolic acid ทำให้ผิวแห้งสูญเสียน้ำและระค่ายเคืองต่อผิว และอาจทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นหลังการใช้เป็นเวลานาน  

Miami peel  เป็นกลุ่มใกล้เคียงกับ Lactic acid (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผิว NMF Nature Moisturizing Factor (NMF), Citric acid  (ซึ่งช่วยทำให้รอยกระจางและ Aged spot ดีขึ้น) และ Willow Bark Extract (Salix Alba) ซึ่งช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน ลดหน้ามันและการอักเสบ การใช้ Miami Peel ยังช่วยลดรอยดำหลังการอักเสบ หรือจุดด่างดำจากสิว ช่วยทำให้ผิวเนียน นุ่ม สว่างสดใสเหมือนผิวเด็ก

Miami peel สามารถทำส่วนอื่นของร่างกายได้หรือไม่ +

Miami peel สามารถใช้ได้ทุกส่วนของร่างกาย  เพราะมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมในเรื่องความเรียบเนียนของผิวดีขึ้น

บางส่วนของร่างกายอาจไวต่อMiami peel ต่างกันเพราะแต่ละที่ความหนาของผิวต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ทำการรักษา

อะไรคือ sun expose +

หลังการทำการรักษา ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด การใช้ครีมกันแดดทุกวันจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการรักษาอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น 

ทำไมลักษณะโทนผิวแต่ละที่ถึงไม่สม่ำเสมอ +

การที่ลักษณะโทนผิวที่ไม่สม่ำเสมอเกิดได้จากหลายสาเหตุ

  • การเกิดฝ้า 
  • การสัมผัสแสงแดด 
  • รอยจากสิว 
  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน 
  • สารเคมีหรือยาบางอย่าง 
  • อายุมากขึ้น เม็ดสีจะเพิ่มขึ้น

ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เกิดการเพิ่มเม็ดสี ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอและการผลัดเซลล์ผิวจะลดลง ทำให้ผิวเรามีเซลล์ที่ตายปกคลุมมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ผิวเราดูหมองคล้ำรูขุมขนหยาบกร้าน 

ดังนั้นการผลัดเซลล์ผิวด้วย Miami peel จะช่วยขจัดเซลล์ที่หมองคล้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียนแลดูสว่างสดใส

รอยหมองคล้ำและฝ้าคืออะไร +

 ฝ้าเป็นศัพท์ทางการแพทย์เป็นคำอธิบายลักษณะผิวที่เข้มคล้ำเป็นแผ่นๆบริเวณหน้าผาก และบริเวณที่นูนเด่นของหน้า  Melasma รากศัพท์มาจากภาษากรีกคำว่า “Melas” ซึ่งหมายถึง ดำ ซึ่งแผ่นบนใบหน้าทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือเป็นแผ่นน้ำตาลพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ฝ้าไม่อันตราย

แต่ทำให้เกิดความไม่สวยงาม ซึ่งเราสามารถรักษาได้ด้วยโปรแกรมการผลัดเซลล์ผิวด้วย Miami peel

 

สาเหตุของการเกิดฝ้า อาทิ เช่น

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจาการใช้ยาคุมกำเนิด
  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนจาการตั้งครรภ์
  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนจากประจำเดือนหมด
  • การสัมผัสแสงแดดปริมาณมาก
  • ปฏิกริยาต่อยาหรือส่วนประกอบที่มีในเครื่องสำอางค์

 

Hyperpigment คือการที่มีเม็ดสีมากที่ผิวหนังทำให้เกิดจุดดำน้ำตาลบนส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกาย ระดับของเม็ดสีก็จะเพิ่มเมื่ออายุมากขึ้น จุดด่างดำเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนที่ได้รับแสงแดดมามาก การได้รับฮอร์โมน เช่น จากการทานยาคุม

หรือการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน เช่นภาวะตั้งครรภ์หรือหมดประจำเดือน 

Hyperpigmentation มีหลายชนิด ได้แก่ กระ, โรคที่เกี่ยวข้องกับการเกิดรอยดำ, การตั้งครรภ์ที่เกี่ยวกับรอยดำ, การขาดเอนไซม์, การเกิดการอักเสบแล้วทิ้งรอยดำ

ใครที่ไม่สามารถทำการผลัดเซลล์ผิวได้ +

ถ้าคุณมีประวัติดังต่อไปนี้ ไม่ควรทำ

  • ทานยากลุ่มวิตามินเอ (Isotretinoin)ในช่วง 6เดือนที่ผ่านมา
  • เป็นเริม
  • เป็นหูดที่หน้า
  • กำลังตั้งครรภ์
  • เป็นรอยแผลเป็นนูนง่าย
  • ประวัติโรคผื่นแพ้แดด
  • เพิ่งได้รับการรักษาด้วยวิธีผลัดเซลล์ผิวมา
  • เพิ่งได้รับสัมผัสแสงแดดปริมาณมากหรือไหม้จากแสงแดดในช่วง2 วันที่ผ่านมา
  • เพิ่งได้รับการรักษามะเร็งด้วยการฉายแสง
  • การผ่าตัดหรือใช้ไอเย็นจี้, IPLหรือการรักษาด้วยเลเซอร์ในเดือนที่ผ่านมา
ผลิตภัณฑ์ที่ทีมแพทย์จาก Miami University ประทับใจและแนะนำให้คนไข้ใช้ (จากนิตยสาร Aesthetic Buyer Guide) +

ท่านแรก Dr. Eduardo Weiss แพทย์ผิวหนังจากไมอามี แนะนำ

Q-Strixin Micro Active Emulsion เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุณหมอชอบที่สุด เพราะหลังจากการใช้ คนไข้ส่วนมาก จะรู้สึกประทับกับผลลัพธ์ เพราะ สามารถสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทั้งรอยเหี่ยวย่น ผิวเรียบเนียนขึ้น รวมถึงรอยจุดสีน้ำตาลใต้ผิวดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด 

เป็นผลิตภัณฑ์ที่คนไข้นิยมใช้ Q-Strixin Micro Active Emulsion อย่างต่อเนื่องและมีการมาซื้อซ้ำเสมอ

 

Dr. Weiss แนะนำให้คนไข้ใช้ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นและใช้อย่างต่อเนื่อง สารประกอบหลักสำคัญ คือ สารเปปไทด์โปรตีน Q-Strixin ประกอบด้วย Palmitoyl pentapeptide-3 และ Palmitoyl oligopeptide นิยมมากเรื่องการฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ซึ่ง Dr. Martin Zaiac ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ได้ให้ความเห็นว่า สารเปปไทด์ (peptides) ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวเติบโต ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มความหนาของชั้นผิวและลดริ้วรอยเล็ก คนไข้จะสังเกตได้ถึงผิวที่เรียบเนียนขึ้น อย่างชัดเจน รวมถึงรอยแตกของผิวลดลง

 

นอกจากนี้ Dr. Zaiac ยังแนะนำ Miami Peel S-30 ในการรักษาสิว

การรักษาสิว สามารถใช้ Miami Peel S-30 ทุก 2 อาทิตย์ ในคนไข้ผิวหน้ามัน สิวอักเสบ สิวอุดตัน จะเห็นผลลัพธ์เรื่องสิวและรูขุมขนที่เล็กลง ควรทำติดต่อกัน 6 ครั้งเป็นคอร์สเพื่อผลรักษาสูงสุด

Cr. Aesthetic Buyers Guide September/October 2005 www.miinews.com